เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [22.มหานิบาต] 10.เวสสันดรชาดก (547) กัณฑ์สักกบรรพ
[2281] พระนางมัทรีมิได้มีพระพักตร์เง้างอ มิได้ทรงเก้อเขิน
และมิได้ทรงกันแสง ทรงเพ่งดูพระสวามีโดยดุษณีภาพ
โดยคิดว่า ท้าวเธอย่อมทรงทราบสิ่งที่ประเสริฐ
(พระศาสดาตรัสพระดำรัสนี้ว่า)
เมื่อตถาคตเป็นพระเวสสันดร
บริจาคพ่อชาลีและแม่กัณหาชินาซึ่งเป็นธิดา
และพระมัทรีเทวีผู้มีวัตรอันดี ผู้ยำเกรงในพระสวามี
มิได้คิดเสียดายเลย เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณเท่านั้น
บุตรทั้ง 2 เป็นที่เกลียดชังของเราก็หามิได้
พระนางมัทรีเทวีจะไม่เป็นที่รักของเราก็หามิได้
แต่พระสัพพัญญุตญาณเป็นที่รักของเรา
ฉะนั้น เราจึงได้ให้ของซึ่งเป็นที่รัก
(ต่อมา พระนางมัทรีกราบทูลว่า)
[2282] หม่อมฉันเป็นพระชายาของพระองค์ตั้งแต่ยังเป็นสาวรุ่น
พระองค์ทรงเป็นพระสวามีผู้เป็นใหญ่ของหม่อมฉัน
พระองค์ทรงปรารถนาจะพระราชทานหม่อมฉันแก่ผู้ใด
ก็ทรงพระราชทานแก่ผู้นั้นเถิด
หรือทรงปรารถนาจะขายหรือจะฆ่า ก็ทรงขายหรือทรงฆ่าเถิด
(พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสว่า)
[2283] ท้าวสักกะจอมเทพทรงทราบพระดำริของกษัตริย์ทั้ง 2 นั้น
จึงได้ตรัสดังนี้ว่า ข้าศึกทั้งมวล1ทั้งที่เป็นของทิพย์และเป็นของมนุษย์
พระองค์ทรงชนะแล้ว

เชิงอรรถ :
1 ข้าศึกทั้งมวล หมายถึงผู้รับทานที่มีทิพยสมบัติและผู้รับทานที่มีมนุษยสมบัติ ท่านเหล่านั้นยังมีความ
ตระหนี่อยู่ พระเวสสันดรชนะคนเหล่านี้ได้ด้วยการให้บุตรและภรรยาเป็นทาน (ขุ.ชา.อ. 10/2283/425)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :536 }